Blog

ตะลุยแปลงผัก! ส่องความแตกต่างของ ผักเคลแต่ละชนิด

ผักเคลแต่ละชนิด 01

เชื่อว่าคนที่ติดตาม Blog ของเราเป็นกลุ่มคนสายสุขภาพ ออกกำลังกายเป็นประจำ และชอบการทานผัก คงจะรู้จัก “ผักเคล” (Kale) ราชาแห่งผักใบเขียวกันดีอยู่แล้ว ว่าเป็นผักที่มี Texture กรอบอร่อย ทนทานสามารถเก็บไว้ได้นาน และอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ทราบหรือไม่ว่าเจ้าผักเคลเขียว ๆ ที่เราเห็นกันอย่างคุ้นตาเนี่ยมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน และ ผักเคลแต่ละชนิด ก็มีลักษณะบางประการซึ่งเหมาะสำหรับนำไปประกอบอาหารที่แตกต่างกันอีกด้วย

noBitter ชวนสำรวจดูว่า ผักเคลแต่ละชนิด หน้าตาเป็นอย่างไร และเหมาะนำไปปรุงเป็นอาหารแบบไหนถึงจะยอดเยี่ยมที่สุด เพื่อที่คุณจะได้มีไอเดียในการเลือกซื้อผักเคลอย่างถูกชนิดตรงตามเมนูที่อยากทานครับ ^0^ โดยผักเคลที่เราจะมาพูดถึงกันก็คือ เคลใบหยิก เคลไดโนเสาร์ เคลสีแดง และเบบี้เคล

เคลใบหยิก

ผักเคลแต่ละชนิด Curly
Curly Kale

เคลใบหยิก (Curly Kale) เป็นผักเคลที่พบเห็นได้ง่ายและแพร่หลายมากที่สุด และตามอย่างที่ชื่อบอก ใบของผักเคลชนิดนี้จะมีลักษณะหยิกเป็นหยัก มีสีเขียวสว่าง กรอบเกรียวเคี้ยวอร่อย แต่ว่าก็จะมีความแข็งมากกว่าผักเคลชนิดอื่น ๆ อยู่เล็กน้อย บางครั้งเวลานำมาประกอบอาหารเราจึงต้องตัดใบออกจากก้านแข็ง ๆ ที่ใกล้รากของมันเสียก่อน โดยเคลใบหยิกเหมาะสำหรับนำมาประกอบอาหารด้วยการ

  • ทอดแบบ Sautéed กับกระเทียมอย่างช้า ๆ หรือย่างบนกระทะคู่กับเนื้อสัตว์หรือผักอื่น
  • นำไปอบในเตาอบหรือผัดบนกระทะเคลือบแบบเกือบแห้ง จะช่วยให้ผักเคลใบหยิกกรุบกรอบเพิ่มขึ้นได้อีก
  • ทานแบบดิบ โดยควร “นวด” ผักเคลชนิดนี้ด้วยน้ำมันมะกอก เกลือ และกรดอย่างน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูสักเล็กน้อย หากผ่านกระบวนการอย่างถูกต้อง จะพบว่าใบของผักเคลชนิดนี้ช่วยเพิ่มสัมผัสที่ละเอียดอ่อนและเบาให้กับสลัด แถมขอบใบที่หยิกยังช่วยให้หน้าตาของอาหารสวยงามน่าทาน

เคลไดโนเสาร์

ผักเคลแต่ละชนิด Dinosaur
Dinosaur Kale

เคลไดโนเสาร์ (Dinosaur Kale) ผักเคลชนิดนี้มีหลายชื่อเรียกด้วยกันเช่น เคลลาซินาโต (Lacinato Kale) เคลสีดำ (Black Kale) หรือเรียกชื่อตามแหล่งกำเนิดมณฑลในอิตาลีว่า Tuscan Kale ก็ได้ มีสีเขียวเข้ม ลักษณะของใบผอมเรียวยาวกว่าผักเคลใบหยิก คล้ายกับรูปร่างของไดโนเสาร์กินพืชคอยาวที่เห็นในหนังสือนิทานของเด็ก ๆ นั่นเอง โดยผักเคลชนิดนี้จะมีความละมุนอ่อนนุ่มมากกว่าผักเคลใบหยัก สุกง่ายกว่าเมื่อโดนความร้อน และไม่จำเป็นต้องนวดมากเมื่อต้องการทานแบบดิบ หลังจากที่ตัดใบออกจากก้านแล้ว เราสามารถ

  • ซอยใบให้เป็นเส้นเล็ก ๆ เพื่อทำเป็นโควสลอว์
  • ผสมลงในซุปหรือพาสต้าครีมข้นเพื่อปิดท้ายหลังจากทำเสร็จร้อน ๆ

คำเตือน เนื้อสัมผัสที่เคี้ยวอร่อยของเคลไดโนเสาร์จะสลดหายไปเมื่อโดยความร้อนเป็นเวลานาน ๆ เราจึงไม่ควรคลาดสายตาระหว่างการปรุงอาหารด้วยเคลชนิดนี้เป็นอันขาด

เคลสีแดง

ผักเคลแต่ละชนิด Red
Red Kale

เคลสีแดง (Red Kale, Red Russian Kale, Scarlet Kale) มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับเคลใบหยิกมาก ยกเว้นส่วนก้านที่มีสีออกม่วงหรือแดงเข้ม หรือบางครั้งก็มีสีม่วงหรือแดงเข้มทั่วทั้งก้านและใบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความหลากหลายเฉพาะของพันธุ์และระยะเวลาในการเก็บว่าช้าหรือเร็ว โดยเคลสีแดงจะใบที่แบนกว่า หายากกว่า มีรสชาติหวานอ่อน ๆ และเนื้อสัมผัสที่เบากว่าเล็กน้อย และวิธีการทานก็คล้ายกับเคลใบหยิกเลย

  • ทอดแบบ Sautéed กับกระเทียม น้ำมันพืช และเกลืออีกสักปลายนิ้วหยิบ
  • ทานแบบดิบ โดยนวดกับน้ำมันมะกอก เกลือ และน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูอย่างเบามือ และผสมเข้ากับผักสีเขียวชนิดอื่น ๆ เพื่อเพิ่มสีสันให้กับชามสลัดของคุณ

เบบี้เคล

ผักเคลแต่ละชนิด Baby
Baby Kale

เบบี้เคล (Baby Kale) ก็คือใบและก้านอ่อนของผักเคลนั่นเอง โดยปกติเราจะไม่ปรุงเบบี้เคลโดยการนำไปผ่านความร้อนหรือนวดให้ช้ำ เพราะตัวผักมีลักษณะที่อ่อนนิ่มและพร้อมทานอยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะใช้เป็นผักแซมผสมอยู่ในสลัดชามใหญ่ ด้วยรสสัมผัสและกลิ่นที่ไม่มากเท่ากับผักเคลที่โตเต็มวัย ทานง่าย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุณประโยชน์จากผักใบเขียว หรือทดลองสัมผัสกับรสชาติของผักเคลในเลเวลเริ่มต้น

สำหรับใครที่สนใจอยากลองทานผักเคล ไม่ว่าจะเป็นเคลใบหยิก เคลไดโน เคลสีแดง หรือเบบี้เคล สามารถติดต่อสอบถามและสั่งซื้อกับ noBitter “ฟาร์มผักปลอดภัยใจกลางเมือง” ได้เลยครับ เรากำลังทดลองปลูกผักแปลก ๆ หายากชนิดใหม่ ๆ รับรองว่าสะอาดปลอดภัยตลอดกระบวนการปลูกจนส่งถึงมือคุณ

Website ของเรา nobitter.life
Facebook: noBitter

nobitter

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *