Blog

พามารู้จักกับ ยาฆ่าแมลง ยอดฮิตในผักไทย (แต่ไม่มีใน noBitter นะ)

ยาฆ่าแมลง

การปลูกผักสมัยใหม่เพื่อการค้าหายากมากที่จะไม่พบสารปนเปื้อนจาก ยาฆ่าแมลง  มันก็เลยเป็นความฝันนึงที่เราอยากจะมีแปลงเกษตรที่จะไม่ใช้ยาฆ่าแมลงช่วยในการดูแลผักที่เราทาน

Pesticide residue free หมายถึง ผลผลิตของพืชผักที่ไม่มีสารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชตกค้างอยู่ หรือมีเหลืออยู่ก็ไม่เกินระดับมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ (ประกาศฉบับที่ 163 พ.ศ.2538 เรื่อง “อาหารที่มีสารพิษตกค้าง“)

ทำให้  “ผักปลอดสารพิษ” หมายถึง ผักที่มีกระบวนการผลิตมีการใช้สารเคมีสังเคราะห์ (เช่น ธาตุอาหาร ปุ๋ยเร่งการเจริญเติบโต ปุ๋ยอินทรีย์ต่าง ๆ) เพียงแต่สารเคมีสังเคราะห์ดังกล่าวจะไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวสารเคมีสังเคราะห์เหล่านี้จะไม่มีสารพิษตกค้างอยู่ (เนื่องจากเป็นกลุ่มของปุ๋ยเคมี จุลธาตุค่าง ๆ ซึ่งมีอยู่ในใบพืชอยู่แล้ว) 

คำว่า “ผักปลอดสาร” จะหมายถึง ผักที่มีกระบวนการผลิตที่อาจใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืชหรือยาฆ่าแมลงในช่วงที่มีแมลงศัตรูพืชระบาด เพียงแต่จะต้องมีการกำหนดการใช้อย่างเข้มงวด ต้องรู้ว่าควรฉีดยาฆ่าแมลงช่วงไหนและช่วงไหนไม่ควรฉีด ซึ่งตามหลักการก็คือจะต้องเว้นระยะเวลาการเก็บเกี่ยวหลังจากฉีดยาฆ่าแมลงไปแล้ว แต่ทั้งนี้ผลผลิตที่ได้จะต้องไม่มีสารพิษตกค้างหรือมีไม่เกินมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณะสุขได้กำหนดไว้ (ดังนั้นบางแห่งอาจใช้ยาฆ่าแมลง บางแห่งก็ไม่ใช้ )

แน่นอน! จะต้องมีแปลงเกษตรที่ไม่ใช้ ยาฆ่าแมลง มาช่วยในการดูแลพืช หนึ่งในแปลงเกษตรนั้นก็มี noBitter ของเรานั่นเอง ปรบมือสิครับ รออะไร…

noBitter เป็นแบรนด์เกษตรของไทยที่ได้ทำการปลูกผัก Kale (ราชินีของผักใบเขียว) ซึ่งทาง noBitter นั้นตระหนักถึงพิษภัยจากสารตกค้างต่างๆ ที่อยู่ในผัก จึงเป็นเหตุผลให้ศึกษาอย่างจริงจังในเรื่องของการปลูกผักโดยที่ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง เพื่อให้ได้ผักที่ได้คุณภาพแก่ผู้บริโภค

ยาฆ่าแมลงที่ยอดฮิตที่ว่านั้นก็คือ carbaryl และ paraquat

carbaryl และ paraquat คือ สารเคมีกำจัดศัตรูพืช เป็นวัตถุดิบอันตรายทางเกษตร ที่มีสารตกค้างสูงสุดตามมาตรฐานทางการเกษตร เป็นสารเคมีที่เกษตรกรนิยมนำไปใช้กำจัดศัตรูพืชที่ไม่พึงประสงค์ ใช้ในระหว่างการเพาะปลูก การขนส่ง หรือกระบวนการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารสัตว์ หากใส่ปริมาณมากเกินไปจะก่อให้เกิดสารตกค้างในดินและยังมีผลไปถึงผักที่ปลูกด้วย ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคหากกินผักที่มีสารเคมี 2 ชนิดนี้ตกค้างอยู่

ผลกระทบด้านสุขภาพ

วัตถุดิบอันตรายทางการเกษตร เป็นสารเคมีที่มีอันตรายอย่างมากต่อสุขภาพของผู้บริโภค ดังนั้นเรามาดูกันเลยว่าเจ้า carbaryl และ paraquat มีผลอะไรบ้างต่อสุขภาพของเราหากโดนเข้าไป

  • มีฤทธิ์กัดกร่อน สามารถทำให้ผิวหนังและเนื้อเยื่อไหม้เป็นแผลได้
  • ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง อาการแสดงเฉียบพลันมีตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนรุนแรงถึงแก่ชีวิต ขึ้นอยู่กับระดับความเข้มข้น ความเป็นพิษ และปริมาณที่ได้รับ
  • สารเคมีกำจัดศัตรูพืชจะสะสมในระบบส่วนต่างๆของร่างกายทำให้เกิดความ ผิดปกติและโรคต่างๆ ได้ เช่น มะเร็งสมอง มะเร็งเม็ดเลือดขาว
  • ระบบภูมิคุ้มกัน เกิดอาการแพ้ติดเชื้อได้ง่าย
  • ระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง อาเจียน ท้องเสีย กินอาหารลำบาก
  • ระบบประสาท ทำให้มีอาการหลงๆ ลืมๆ อัมพาต เป็นลม
  • มีความผิดปกติต่อระบบทางเดินหายใจ
  • มีฤทธิ์กัดกร่อนต่อผิวหนังและตา
  • มีอันตรายต่อระบบสืบพันธุ์

สารเคมีกำจัดศัตรูพืชสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง โดยการสัมผัสทางผิวหนัง การหายใจละอองที่กระจายในอากาศ และการรับประทานอาหารและน้ำดื่มที่มีสารเหล่านั้นปนเปื้อน

ผลกระทบที่มีผลต่อพืช

เมื่อมีการฉีดสารเคมีที่มีปริมาณมากจนเกินไปนั้นย่อมไม่ส่งผลดีให้กับพืชเช่นกัน ยิ่งฉีดสารเคมีฆ่าแมลงมากแค่ไหน ก็ส่งผลให้ผักนั้นมี ผลร่วง ใบร่วง ลำต้นไม่สมบูรณ์ และ ทำให้พืชตายได้ในเวลาต่อมา และสารเคมียังไปตกค้างในดิน เมื่อเรานำไปปลูกในดินที่มีสารตกค้างก็ส่งผลให้พืชที่นำมาปลูกใหม่ซ้ำกับที่เดิมส่งผลให้พืชไม่งอกหรือมีต้นที่ไม่สมบูรณ์

พบวัตถุดิบอันตรายทางเกษตร ในอาหารอะไรบ้าง?

  1. อาหารที่พบสารตกค้างของสาร carbaryl มากที่สุด คือ  อ้อย องุ่น เนื้อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ไข่ นม แตงโม ทุเรียน มะม่วง ฝรั่ง ปาล์มน้ำมัน กระถิน  ข้าวสาร
  2. อาหารที่พบสารตกค้างของสาร paraquat มากที่สุด คือ ข้าวโพด มะเขือเทศ ผักใบ ส้ม องุ่น เนื้อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยด้วยนม เนื้อสัตว์ปีก ผักใบ เมล็ดฝ้าย แตงกวา เครื่องในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม  ผักประเภทหัวและราก สตรอว์เบอร์รี  ไข่ นม

สาเหตุของสารตกค้าง

  1. การตกค้างที่พบในพืชนั้น เกิดจากที่พืชสังเคราะห์แสงไม่พอเพราะ การปลูกพืชแต่ละชนิดนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้า อากาศ หากแดดไม่ดีก็สังเคราะห์แสงไม่ได้
  2. การใช้สารเคมีที่ผิดวิธี ใช้สารเคมีฉีดเข้าไปผักเยอะเกินไป เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของพืช และการใช้ยากำจัดแมลง ทำให้สารไปตกค้างในดิน และไม่ได้ตกค้างเพียงในดินเท่านั้นแต่ยังไปตกค้างในผักของเราด้วย

เห็นผลกระทบของวัตถุดิบอันตรายทางเกษตรไปแล้ว ทำให้ผู้อ่านหลายท่านกลัวการที่จะกินผักไปเลยก็เป็นได้ แต่ไม่ต้องห่วง! ทาง noBitter มีวิธีการแก้ปัญหากำจัดศัตรูพืชโดยที่ไม่ใช้สารเคมีที่เป็นวัตถุดิบอันตรายทางเกษตร โดยไม่ใช้สารเคมีอะไรลงเข้าไปในผัก Kale ที่ทาง noBitter ปลูกไว้

noBitter เป็นฟาร์มที่ปลูกผัก Kale ใช้วิธี ระบบปิด ไม่พึ่งสภาพอากาศและแสงอาทิตย์แต่ทาง noBitter นั้นได้ลอกเลียนแบบธรรมชาติ  นั้นทำให้พืชมีการเจริญเติบโตได้สมบูรณ์ โดยที่ไม่ใช้สารเคมีเร่งการเจริญเติบโตสรุปได้ว่า ทาง noBitter ใช้วิธีจัดจำหน่ายผัก Kale เป็นการเก็บเกี่ยวพร้อมส่งให้ถึงมือผู้บริโภคทันทีเพื่อคงความสดของผักเคล และหลีกเลี่ยงการใช้ฉีดสาร ฟอร์มาลีน จากการขนส่งสินค้า ความต้องการของ noBitter นั้นต้องการให้ผู้บริโภคกินผักที่มีคุณภาพมากที่สุด ไม่ต้องการให้ซื้อไปเก็บแช่เย็นไป

นั้นเป็นเหตุให้ผักเคล เป็นผักที่ให้โภชนาการทางอาหารสูงและไรสารพิษต่างๆทำให้ผักเคลของแบรนด์  noBitter ไม่พบสารเคมีตกค้างของวัตถุดิบที่เป็นอันตรายทางเกษตร  carbaryl และ paraquat (สารเคมียอดฮิตที่พบมากที่สุดในอาหาร) เลยและสารเคมีอื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ที่เอาใจใส่ต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง อยากกินผักที่ไรสารพิษของ NoBitter สามารถสั่งผักเคล และสอบถามข้อมูลได้ที่ www.facebook.com/nobitterlife

แหล่งอ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติม

nobitter