โอกาสสำหรับเกษตรกรในการทำ CEA
no
1. เพิ่มการเติบโตสูงตลอด 365 วันต่อปี
ธรรมชาติเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ แต่ด้วยสภาวะที่เหมาะสมสม่ำเสมอ ทำให้สามารถรับประกันอัตราการเติบโตและคุณภาพของผลิตผลได้ค่อนข้างแน่นอน
2. ลดการพึ่งพาสารเคมี
การกำจัดพืชผลจากสภาพแวดล้อมที่มีแมลงศัตรูพืชและวัชพืช ช่วยลดความจำเป็นในการใช้สารเคมีที่มีราคาแพงและเป็นอันตรายเพื่อให้พืชปลอดภัย นอกจากนี้ยังสามารถใช้แสง UV เพื่อควบคุมการปนเปื้อน
3. ใช้น้ำน้อยลง
การรดน้ำทั่วไปที่ใช้ในวิธีการทำฟาร์มแบบดั้งเดิมมีความต้องการน้ำมากกว่าที่จำเป็นในโรงงานของ CEA เยอะมาก
4. พึ่งพาแรงงานคนน้อยลง
การจัดการพืชผลสามารถทำได้โดยอัตโนมัติหรือควบคุมโดยบุคคลเดียวโดยใช้แอปพลิเคชันดิจิทัล
5. ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกได้ดีขึ้น
CEA ช่วยให้ผลผลิตได้มากกว่าการทำฟาร์มแบบดั้งเดิมโดยไม่ต้องอาศัยพื้นที่กว้างใหญ่ เรายังสามารถแปลงอาคารเก่าที่มีอยู่ให้เป็นโรงงานของ CEA ได้
แล้ว CEA เป็นไปได้จริงหรือ?
อุปสรรคใหญ่สุดเห็นจะเป็นเรื่องการลงทุน ซึ่งอันที่จริงเราสามารถลงทุนเพื่อทดลองเล็กๆ ในลักษณะเดียวกับที่เราทำกับเครื่องจักรใหม่เพื่อเพิ่มผลผลิตในฟาร์ม และทดสอบ ROI เพื่อให้การลงทุนเป็นไปได้มากขึ้น ทั้งนี้การซื้อส่วนประกอบของฟาร์ม CEA แทนที่จะใช้โซลูชันเต็มรูปแบบอาจจะเหมาะสมกว่า เพราะเราสามารถเลือกซื้อเฉพาะสิ่งที่ช่วยพัฒนาปรับปรุงฟาร์มของเราให้ดีขึ้น หลายคนมักมีเป้าหมายที่จะสร้างระบบสไตล์โรงงานขนาดใหญ่ที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่เริ่มแรก แต่เอาเข้าจริงเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งสร้างทีหลัง ยิ่งมีของใหม่ ของดี ราคาถูกให้เลือกใช้ได้มากกว่า
ในโรงเรือนแบบ CEA เราสามารถปลูกอะไรก็ได้ พืช ผัก สมุนไพร ที่ไม่สูงเกินไปหรือรากลึกยาวเกินไป เราสามารถวางพืชเรียงเป็นชั้นๆ ในอาคารหลังเดียวได้ และไม่จำเป็นต้องลงทุนในการก่อสร้างอาคารใหม่โดยผู้เชี่ยวชาญเสมอไป เราอาจปรับเปลี่ยนตึกเก่าหรือพื้นที่ว่างอื่นๆ เอามาแปลงเป็นโรงเรือนได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว สภาพแวดล้อมการเจริญเติบโตที่มีการควบคุมนั้นอยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์ โรงรถ อุโมงค์ใต้ดิน อะไรก็ได้ สิ่งนี้ให้ภาพที่เหมือนจริงมากกว่าตึกระฟ้าขนาดใหญ่ที่ปรากฏในบทความสร้างแรงบันดาลใจมากมายเกี่ยวกับ CEA อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของทั้งการก่อสร้างและวิศวกรรมการเกษตร CEA ควรได้รับการปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของข้อกำหนดการผลิตเฉพาะเสมอ
ต่อไปนี้เป็นหลักการพื้นฐานที่ต้องพิจารณา
1. การควบคุมความชื้น
เครื่องลดความชื้นช่วยให้คุณควบคุมปริมาณสารอาหารของพืชโดยควบคุมปริมาณน้ำในบรรยากาศเพื่อการคายน้ำที่เหมาะสม
2. การควบคุมอุณหภูมิ
นอกจากส่งผลต่อระดับความชื้นสัมพัทธ์ภายในอาคารแล้ว เครื่องทำความเย็น/ความร้อน และระบายอากาศยังมีความจำเป็นเพื่อรักษาสภาพที่สม่ำเสมอในช่วงเดือนที่อากาศอบอุ่นหรือเย็นกว่าปกติ
3. แสงเพื่อการเติบโต
ไฟ LED ถูกนำมาใช้เพื่อให้พืชได้รับสารอาหารทั้งหมดที่ควรจะได้รับจากดวงอาทิตย์ตามธรรมชาติ แสงไฟที่ควบคุมได้อย่างสมบูรณ์สามารถนำมาใช้เพื่อเปลี่ยนวิธีการเติบโตของพืช เวลาที่พวกมันออกดอก และรสชาติของพวกมันด้วยการเปลี่ยนแปลงสเปกตรัมแสงที่ใช้ในแต่ละช่วงการเจริญเติบโต
4. ไฮโดรโปนิกส์
ไฮโดรโปนิกส์จะกระจายสารละลายที่อุดมด้วยสารอาหารไปยังรากพืชโดยตรง ซึ่งแตกต่างจากการปลูกในดินแล้วให้น้ำแบบเดิม ๆ