กินเจ อย่างไรให้ได้ทั้งบุญและสุขภาพ 2562
เทศกาลกินเจมาแล้ว! สำหรับคนที่เตรียมตัวเตรียมท้องหรือ เริ่ม กินเจ ก่อนถึงวันเริ่มต้นเทศกาลจริง 1-2 วันเพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับสภาพ และทำความคุ้นเคยกับการกินเจได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งต้องฟังกันเลย เพราะว่าเรามี ข้อแนะนำเพิ่มเติมที่น่าสนใจมาบอก
ปีนี้เราจะเริ่ม กินเจ กันตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน – 7 ตุลาคม 2562 ถ้าอยากล้างท้องก่อนก็จะเริ่มกันประมาณวันที่ 26 – 27 กันยายน แน่นอนว่าข้อห้ามนั้นนอกจากเนื้อสัตว์แล้ว ยังห้ามกินผักที่มีกลิ่นฉุน ได้แก่ กระเทียม หอมใหญ่ แดง ขาว ต้นหอม กระเทียมโทน กุยช่าย และใบยาสูบ
นอกจากนี้ยังห้าม นม เนย น้ำมัน และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ อาหารรสจัด และก็แอลกอฮอล์
อย่างไรก็ตาม การกินเจเองก็ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะกับคนที่ไม่สามารถทำอาหารเจกินเองได้ เพราะส่วนใหญ่อาหารเจนั้นจะมันมากและก็จะเน้นแป้ง โปรตีน เพื่อเป็นพลังงานแทนเนื้อสัตว์ ส่งผลทำให้อาจน้ำหนักขึ้นได้
เพราะฉะนั้นจะทำอย่างไรให้กินเจไม่เพียงจะอิ่มบุญเท่านั้น แต่สุขภาพของเราจะได้รับสารประโยชน์จากการกินอาหารเจที่มีทั้งพืช ผลไม้ และธัญพืชต่างๆ ให้ดีกับสุขภาพและน้ำหนักไม่ขึ้น ต้องเลือกกินตามนี้เลย
- กินข้าวหรือแป้งที่ไม่ขัดขาว
- กินหวานให้น้อยลง
- เลือกผักใบมากกว่าพืชหัว (โดยเฉพาะผักใบอย่างเช่น เคล จะให้พลังงานและปริมาณแป้งน้อยกว่า ยิ่งผักเคลยิ่งเสริมประโยชน์)
- เลี่ยงการกินน้ำมัน หรือของมันต่างๆ (เลือกกินของ นึ่ง ต้ม ตุ๋น ดีกว่าของทอดและผัด
- ค่อยๆ ปรับอาหาร เพื่อล้างท้องหลังกินเจ (จะช่วยให้ร่างกายขับพิษต่างๆ ออกมาได้)
แต่อย่างว่าจะกินเจทั้งที กินอย่างไรได้สารอาหารอยู่ครบ วันนี้เราจึงมาแนะนำกัน ซึ่งผักที่แก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ดีมากอีกชนิดหนึ่งก็คือ ผักเคล นั่นเอง
เนื่องจากการกินเจนั้นห้ามกินนม เนย และเนื้อสัตว์ ทำให้อาจขาดแคลเซียมและธาตุเหล็กที่จำเป็นได้ แต่ผักเคลนั้น กลับอุดมไปด้วยแคลเซียมที่สูงมากกว่านมวัวะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง อีกกทั้งมีธาตุเหล็กในปริมาณสูงกว่าการรับประทานเนื้อสัตว์ต่างๆ ซึ่งช่วยให้เซลล์เติบโต บำรุงการทำงานของตับ อีกทั้งวิตามินเคยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดี
นอกจากนี้ ยังมีวิตามินซีมากกว่าส้ม ซึ่งผักเคล100 กรัม มีวิตามินซีอยู่ 120 มิลลิกรัม ส่วนส้มมีเพียง 53 มิลลิกรัมเท่านั้น