Kale
ผักเคล (Kale) หรือ คะน้าใบหยิก ได้รับการยกย่องให้เป็น ราชินีผักใบเขียว (Queen of Greens)
ผักเคลเป็นพืชในวงศ์ Brassicaceae ตระกูลเดียวกับผักจำพวก คะน้า บร็อคโคลี่ และกะหล่ำดอก มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Brassica oleracea var. sabellica คนไทยเริ่มรู้จักกันในชื่อ คะน้าใบหยิก แต่จริงๆ มันก็มีพันธุ์ที่ใบไม่หยิกด้วย เดี๋ยวเราจะมาคุยกันอีกที
เคลเป็นที่นิยมอย่างมากในต่างประเทศ เพราะเป็น super food ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ เมื่อเปรียบเทียบกับผักชนิดอื่นๆ ในปริมาณที่เท่ากัน การรับประทานเป็นประจำ โดยเฉพาะ noBitter kale จะมีส่วนที่ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง และป้องกันปัญหาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ ดังต่อไปนี้
1. ช่วยดักจับสารก่อมะเร็ง
noBitter kale มี คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) เบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) ซีลีเนียม (Selenium) แคโรทีนอยด์ (Carotenoid) โพลีฟีนอล (Polyphenols) ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) ช่วยป้องกันความผิดปกติและอักเสบของเซลล์ในร่างกาย ช่วยต่อต้านความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวเร่งความแก่ของเซลล์ และช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายดูดซึมสารก่อมะเร็งจากอาหาร
2. ป้องกันโรคความดันสูง
ความดันโลหิตสูงเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายแรงต่าง ๆ การบริโภคอาหารไฟเบอร์สูงอย่าง noBitter kale ทำให้ระดับไขมันในเลือดลดลง การมีความดันโลหิตปกติจะส่งผลให้แนวโน้มของระดับคอเรสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ลดลง
นอกจากนี้เคลยังช่วยการไหลเวียนเลือดเพราะมีธาตุเหล็กสูง ซึ่งอาจสูงกว่าเนื้อแดงซะอีก และมีโพแทสเซียม(K) แมกนีเซียม(Mg) ที่ทำให้เลือดลำเลียงออกซิเจนไปยังอวัยวะต่างๆ ได้ดี ช่วยให้เซลล์เติบโตและจำเป็นต่อการทำงานของตับ และอื่นๆอีกมากมาย
อีกทั้งเคลมีสารออกซาเลต (oxalate) ต่ำ เป็นสารมีฤทธิ์ในการยับยั้งการดูดซึมของแคลเซียม(Ca) และแร่ธาตุสำคัญหลายชนิดในกระแสเลือด
3. ช่วยลดน้ำหนัก
noBitter kale เป็นผักที่มีโปรตีนและไฟเบอร์สูง แต่ให้แคลอรี่ต่ำ ให้คาร์โบไฮเดรตที่มีค่า Glycemic Index (GI) ต่ำ ซึ่งค่านี้บ่งบอกความช้าของอาหารที่มีคาร์บในการเพิ่มน้ำตาลในเลือดจะแตกตัวอย่างช้าๆ ทำให้กลูโคสเข้าสู่กระแสเลือดอย่างสม่ำเสมอ จึงช่วยรักษาระดับอินซูลินได้ดี การรับประทานเคลจึงทำให้รับประทานได้เรื่อยๆ อิ่มนาน ไม่อ้วน เป็นกระแสในหมู่ของคนรักสุขภาพ และคนที่ต้องการลดน้ำหนัก
4. ช่วยบำรุงสายตา
เบต้าแคโรทีนและวิตามินเอใน noBitter kale จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อร่างกาย รวมถึงผิวหนัง เส้นผม และดวงตา
สารลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่สำคัญในการป้องกันการทำลายเซลล์จอประสาทตาจากอนุมูลอิสระ เช่น แสงแดด แสงจากจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคทางตา เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อมและต้อกระจก
อย่างไรก็ตามผักก็คือผักนะครับ เป็นอาหารหมู่หนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ยารักษาทุกโรค มนุษย์เราควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ตามความต้องการของร่างกายเพื่อรักษาสมดุลย์ต่าง ๆ
ชนิดของเคล
เคลใบหยิก (Curly Kale)
เป็นเคลที่มีลักษณะใบที่ใหญ่ มีขอบหยัก ลำต้นยาว สีของใบมีตั้งแต่เขียว น้ำเงินไปจนถึงแดงอมม่วง มีรสชาติดีระดับความขมอยู่ระดับกลางไม่ขมไม่หวาน เป็นพืชที่ต้องการแสงแดงจัด ชอบอากาศหนาว
ที่ noBitter ปลูกจะเป็น Dwarf curly kale หรือ ผักเคลต้นแคระใบหยิก ลักษณะขอบใบจะหยิกฝอย นิยมนำมาทำอาหารประเภทผัด หรือต้ม สามารถนำไปทำน้ำปั้นสมูตตี้ หรือใส่สลัดได้
เคลไดโนเสาร์ หรือ ไดโนแคล (Lacinato or Dinosaur Kale or Tuscan Kale)
ผักเคลอีกหนึ่งชนิดที่มีชื่อเรียกหลากหลาย มีรสชาติหวานน้อยมีความละเอียดอ่อนมากกว่าเคลใบหยิก ถ้าหากพูดถึงผักเคลที่รูปลักษณ์ของใบที่เรียวยาว มีความนูนของใบซ้อนกันเป็นชั้น และด้วยจุดเด่นของใบที่สีเข้มกว่าผักเคลชนิดอื่นทำให้เป็นหนึ่งในผักเคลที่คนรักผักใบเขียวและรักสุขภาพมักจะนำไปปั่นหรือสกัดน้ำดื่ม แต่หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่อยากจะเริ่มรับประทานผักเคล อย่าได้กังวลหรือกลัวว่าความรูปลักษณ์ภายนอกของเคลไดโนเสาร์นี้จะไม่อร่อยหรือไม่น่ารับประทาน เพราะคุณรู้หรือไม่ว่าแพทย์ที่ประเทศอิตาลี หรือ แม้แต่ Harvard’s School of Public Health ยังยกให้ผักเคลนี้เป็นผักที่ควรรับประทานทุกวัน เพราะมีอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ทั้งวิตามินต่าง ๆ รวมทั้งมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยต้านมะเร็งได้อย่างดี
Russian Kale
ผักเคลอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้ชื่อว่ามีรสชาติที่อ่อนและหวานธรรมชาติกว่าผักเคลสายพันธุ์อื่น ซึ่ง Russian Kale นั้นมีอยู่ 2 สายพันธุ์ใหญ่ ๆ คือ Red Russian Kale ด้วยจุดเด่นที่ก้านและใบจะมีความม่วงแดง จึงทำให้ผักเคลสายพันธุ์นี้มีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) หรือสารที่ช่วยต้านโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน รวมทั้งโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน มากกว่าผักเคลสายพันธุ์อื่น และอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกันแต่ต่างกันที่ความม่วงแดงของก้านและใบจะน้อยกว่า คือ White Russian Kale ผักเคลชนิดนี้เป็นผักเคลที่ชอบแสงแดดมากกว่าผักเคลชนิดอื่น
Siberian Kale
เป็นเคลที่ใบมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับเคลสายพันธุ์อื่น ใบมีลักษณะสีเขียวอ่อน รูปร่างภายนอกหากดูเผิน ๆ อาจจะคล้ายกับ Russian Kale ด้วยต้นกำเนิดของสายพันธุ์ที่ค่อนข้างใกล้เคียงกันมาก หากไม่สังเกตในดี ๆ อาจจะคิดว่าเป็นชนิดเดียวกันได้ เป็นพืชที่ชอบอากาศหนาวจัด ส่วนใหญ่มักปลูกเป็นพืชเมืองหนาวทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา ถ้านำมาปลูกในประเทศไทยอาจจะไม่เหมาะ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อน แต่ปลูกในระบบปิดแบบ noBitter ได้สบายมาก
Redbor Kale
เป็นเคลลูกผสมที่มีสีแดงอมม่วงสวยงามจากตัวใบและก้าน ถูกเลือกให้เป็น Louisiana Super Plants ใบมีลักษณะเป็นพุ่มหยัก ดูหนา นิยมนำมาตกแต่งจาน ปกติจะให้ผลผลิตในช่วงปลายฤดูหนาวต้นใบไม้ผลิ รสชาติจะออกคล้ายๆ ผักกระหล่ำที่มีความกรอบ เมื่อนำไปปรุงสุกจะอ่อนและมีรสออกถั่วๆ ที่หวาน และด้วยสีม่วงของมันทำให้มี แอนโทไซยานิน(anthocyanin) และสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ให้การต่อสู้กับมะเร็งสูง
Chinese Kale
หรือที่คนไทยรู้จักกันดีว่า “คะน้า” จัดเป็นเคลประเภทหนึ่ง มีลักษณะของใบที่แตกต่างจากเคลสายพันธุ์อื่นคือใบไม่หงิก ทำให้มีลักษณะคล้ายผักโขม ผิวใบมีลักษณะมันวาว ก้านหนาคล้ายบร็อคโคลี่ นิยมนำมาผัด ต้ม นึ่ง มากกว่ากินสด
ผักเคลมีหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือกรับประทานกันขนาดนี้ เด็ก ผู้ชาย ผู้หญิง หรือ ผู้สูงวัย ก็สามารถรับประทานได้ไม่จำกัดเพศและวัย คุณประโยชน์มากมายขนาดนี้ แล้วคุณล่ะอยากลองรับประทานผักเคล ราชินีผักใบเขียวที่ได้ชื่อว่าเป็น Superfood กันบ้างแล้วหรือยัง